'ยิ่งลักษณ์' ยก 8 ปมแจงศาลรธน.สู้คดีเด้ง 'ถวิล'

เปิดบันทึกคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใน 8 ประเด็นสำคัญที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของ ส.ว.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่ กรณีโอนย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
1.ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อม ครม. เมื่อมีการยุบสภา
2.กระทำโดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ
3. การกระทำตามคำร้องของผู้ร้อง ไม่ใช่การก้าวก่ายหรือแทรกแซงตามความหมายของรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 และ 268
การแต่งตั้งโอนย้าย นายถวิล เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของผู้ที่มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และการแต่งตั้งโอนก็ได้ทำตามรูปแบบ ขั้นตอน วิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ การแต่งตั้งโอนย้ายดังกล่าวจึงไม่ใช่การก้าวก่ายหรือแทรกแซงตามความหมายของรัฐธรรมนูญมาตรา 266 และรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ก็บัญญัติให้กระทำได้ โดยไม่ถือเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามมาตรา 266 แต่อย่างใด
4.การโยกย้ายนายถวิล ไม่ได้ใช้สถานะหรือตำแหน่งของการเป็นนายกรัฐมนตรีในการสั่งอนุมัติโดยลำพัง แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในการประชุมคณะรัฐมนตรี
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายถวิล จากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. พลตำรวจเอกโกวิท รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการและปฏิบัติราชการแทนนายกฯในงานของ สมช.เป็นผู้พิจารณาและใช้ดุลพินิจทั้งสิ้น และได้แจ้งให้นายกฯทราบว่าสำนักเลขาธิการนายกฯจะขอรับโอนนายถวิล มาเป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งนายกฯได้แจ้งไปว่าให้เป็นดุลพินิจของ พลตำรวจเอกโกวิท ที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม
5. ความเหมาะสมของฝ่ายปฏิบัติที่จะได้รับความไว้วางใจในการตอบสนองต่อฝ่ายบริหารในการดำเนินการรามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา หรือตามที่กฎหมายบัญญัติ
พลตำรวจเอกโกวิท ได้แจ้งต่อนายกฯก่อนการประชุมครม.ในวันที่ 6 กันยายน 2554 ว่า ตำแหน่งเลขาสมช.เป็นตำแหน่งที่สำคัญ คนที่จะมาดำรงตำแหน่งต้องเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะปฏิบัติงานสนองตอบต่อนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาได้ และจะต้องเป็นบุคคลที่รัฐบาลให้ความไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้โอนย้าย พลโทสุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสมช.ในขณะนั้นและแต่งตั้งนายถวิล เป็นเลขาธิการ สมช.แทน
สำหรับตัวนายถวิล ในรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นกรรมการและเลขานุการ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. แม้จะเป็นโดยตำแหน่งตามกฎหมายแต่การที่นายถวิล แสดงออกต่อสาธารณะในการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่เหมาะสมหลายประการ อาทิเช่น การเปิดเผยเรื่องผังล้มเจ้า ซึ่งไม่เป็นความจริง และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการปฏิบัติงานของ ศอฉ. จนเป็นเหตุในมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
6. การย้ายนายถวิล พ้นจากการดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. และให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะเปิดช่องให้สามารถผลักดันหรือเป็นผลให้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ขึ้นเป็นผบ.ตร.
ทั้งนี้ นายกฯไม่ได้คัดเลือก พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ เพราะเป็นเครือญาติของนายกฯเนื่องจากในเวลาดังกล่าว พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับพรรคเพื่อไทย และในขณะนั้น แม้พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ จะเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ แต่คุณหญิงพจมานได้หย่าขาดกับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ก่อนการแต่งตั้งพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์เป็นเวลาหลายปี การกล่าวอ้างเรื่องเครือญาติจึงไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง และถือเป็นการกระทำตามที่กฎหมายบัญญัติ
7. สำหรับกรณีที่พล.ต.อ.วิเชียร มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ติดต่อทาบทาม หรือมอบหมายให้ผู้ใดทาบทาม และไม่มีคำมั่นใดๆกับพลตำรวจเอกวิเชียร และกระบวนการแต่งตั้งการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมของ พลตำรวจเอกวิเชียร นายกฯเกี่ยวข้องแต่เพียงการเป็นประธานการประชุมครม.เท่านั้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ปกติ มิได้ใช้สถานะหรือตำแหน่งของการเป็นนายกรัฐมนตรีในการทาบทามหรือมอบหมายให้ผู้ใดไปทาบทาม พลตำรวจเอกวิเชียร มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมแต่อย่างใด
8.นายกรัฐมนตรี และ/หรือครม. ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อไป ไม่ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
แม้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัว แต่ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งยังต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (6 พ.ค.) เวลา 10.00น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพยานบุคคล เข้าไต่สวน 4 ปาก ประกอบด้วย 1.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ร้อง 2.นางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ถูกร้อง 3.พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตเลขาธิการ สมช. 4.นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. และภายหลังศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนเสร็จก็จะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งให้รับทราบ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก