20 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 5 นาย เป็นผู้ต้องหาเดิม 4 นาย ผู้ต้องหาใหม่ยศพันตำรวจเอกอีก 1 นาย มีพฤติกรรมรับเงินซื้อขายตำแหน่ง และเก็บผลประโยชน์จากโต๊ะพนันฟุตบอล
ความคืบหน้าการขยายผลทลายเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อตีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หัวหน้าขบวนการแอบอ้างสถาบันและเก็บส่วยน้ำมันเถื่อน โดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่าได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตำรวจร่วมกระทำความผิดกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก
ซึ่งผลการตรวจสอบมีพยานหลักฐาน ว่ามีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรอีก 5 นาย ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีพฤติกรรมรับเงินวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งและเก็บผลประโยชน์จากเจ้ามือโต๊ะพนันฟุตบอล โดย 4 นายเป็นผู้ต้องหาชุดเดิมที่ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ส่วนอีก 1 นายเป็นผู้ต้องหาใหม่ เป็นนายตำรวจยศพันตำรวจเอกที่จะถูกออกหมายจับเป็นครั้งแรก
พนักงานสอบสวนเตรียมเสนอศาลออกหมายจับทั้ง 5 คนในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และข้อหาฟอกเงิน จากนั้นคณะกรรมการชุดพลตำรวจตรีฐิติราชจะส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้กับคณะกรรมการสอบสวนคดีอาญาซึ่งรับผิดชอบสำนวนมากกว่า 10 สำนวนคดีและคณะกรรมการเอาผิดทางวินัยดำเนินการคู่ขนานกันไป
ทั้งนี้ผลการสอบสวนไม่พบว่ามีนายตำรวจชั้นนายพลระดับรองผู้บัญชาการ และผู้บังคับการในสอบสวนกลาง ร่วมกระทำความผิดกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เพิ่มอีก
ล่าสุดศาลอาญา พิจารณาอนุมัติออกหมายจับนายเรืองศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช และนางสวงค์ มุ่งเที่ยง ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นการออกหมายจับซ้ำเนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้ถูกจับกุมดำเนินดคีแล้ว ซึ่งหลังออกหมายจับพนักงานสอบสวนได้ไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับผู้ต้องหาทั้งสอง ที่เรือนจำ
ส่วนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินัดประชุม เพื่อแต่งตั้งโย้กย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการวันที่ 26 ธันวาคมนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ยืนยันว่าการประชุมยังเป็นไปตามกำหนดเดิม ซึ่งทุกตำแหน่งที่แต่งตั้งโยกย้ายจะให้มีผลบังคับใช้ 5 มกราคมปีหน้า เนื่องจากไม่ต้องการให้การปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่เกิดช่องว่างซึ่งจะเกิดผลเสียกับประชาชน คาดการณ์ว่าจะมีการโยกย้ายครั้งใหญ่ ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อทลายเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ให้กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง - สำนักข่าวไทย