Alpaca hill ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

Alpaca hill ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

Alpaca hill ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขอบคุณเรื่องและภาพ: pspatchieestory

สวัสดีค่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกท่าน และแล้วก็เข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ เรียกได้ว่า อากาศช่วงนี้กำลังดีฝนตกเบาๆ เย็นสบาย เลยรู้สึกว่าอยากไปพักผ่อนใกล้ๆ กรุงเทพสักนิด ถ้าใกล้กรุงเทพแล้วอากาศดีๆ ต้องที่นี่เลยค่ะ สวนผึ้งราชบุรี ที่สำคัญเที่ยว one day trip ได้อีกด้วย สวนผึ้งวันนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะทีเดียวค่ะ โรงแรม รีสอร์ทก็มากขึ้น เป็นตัวเลือกในการมาพักผ่อนได้อย่างดีเยี่ยม ครั้งนี้ไปเที่ยวมาสองคืนสามวัน ฝนตกปรอย ๆตลอดทริป แต่วันนี้จะขอเป็น mini review ก่อนนะคะ รีสอร์ทที่เข้าพักจะรีวิวให้ชมกันในตอนหน้า เพื่อไม่ให้เสียเวลา ถ้าพร้อมกันแล้วก็เกาะล้อตามมาเที่ยวด้วยกันเลยจ้า


สถานที่ที่จะพาไปเที่ยววันนี้ก็คือ Alpacahill นั่นเองจ้า มาชมการเดินทางกันสักนิดนะคะ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับอัลปาก้า กันก่อน เพราะหลายท่านอาจจะยังไม่รู้จักว่า คือตัวอะไร อัลปาก้า เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กินพืชเป็นอาหาร จัดอยู่ในตระกูลอูฐ โดดเด่นด้วยขนที่หนานุ่มและสวยงาม มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ชาวอินคานิยมนำขนมาใช้ และเรียกว่า "เส้นใยจากพระเจ้า" อัลปาก้า มีอยู่ สองสายพันธุ์ คือ suri และ huacaya ซึ่งแตกต่างกันที่ลักษณะของขน โดย suri จะมีขนยาวและนุ่มเหมือนเส้นไหม ส่วน huacaya นั้นจะมีลักษณะเหมือนขนปุกปุยเหมือนกับก้อนเมฆซึ่งทั้ง 2 สายพันธุ์ มีความสูงโดยเฉลี่ย 125 เซนติเมตร และมีอายุตั้งแต่ 15-20 ปี ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีนิสัยแตกต่างกัน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักแสนถึงหลักหลายล้านบาทต่อตัว ซึ่งชาวต่างชาตินิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงค่ะ

มาถึงกันแล้วจ้า ที่อัลปาก้าฮิล แห่งนี้มีพื้นที่กว่า 250 ไร่ ลักษณะเหมือนสวนสัตว์ขนาดย่อมที่เราสามารถใกล้ชิดสัตว์ได้ตลอดเวลาโดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างใกล้ชิด สัตว์แต่ละโซนก็แยกออกจากกัน มีสัตว์มากมายหลายประเภท หลักๆเลย ก็คือ เจ้าอัลปาก้า ช่วงแรกๆ ตอนที่นี่เปิดบริการก็มีแต่เพียงอัลปาก้าอย่างเดียว ตอนนี้ขยายโซนเพิ่มเติมแล้วนะคะ จะมีสัตว์เพิ่มเติม ก็คือ เฟอเรท จิงโจ้แคระ แพรี่ด็อก กวางดาว แกะ กระต่ายไทย กระต่ายยักษ์ แมวเปอร์เซีย เต่ายักษ์ เป็ด นกยูง หนูชินชิล่า และจะขยายโซนอีกมากมายเลยค่ะ เมื่อมาถึงแล้ว ก็ต้องมาที่จุดนี้เป็นจุดแรกเลย เป็นจุดจำหน่ายตั๋วค่ะ ราคาเข้าชมมีดังนี้ค่ะ

ตอนนี้ตัดสินใจว่า 290 บาทดีกว่าค่ะ อิอิ 290 บาท สิทธิพิเศษที่จะได้รับมีดังนี้ค่ะ เมื่อเราซื้อตั๋วแล้ว ก็มานั่งฟังบรรยายจากเจ้าหน้าที่จะอธิบายส่วนต่าง ควรจะฟังเพื่อ ความปลอดภัยในการเข้าชม นะคะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ เจ้าหน้าจะเปิดประตู แล้วหลังจากนั้นจะมีรถกอล์ฟมารับไปยังจุดแรก จะมีแผนที่ขนาดใหญ่ เวลาเราเข้ามาชมเราจะได้รับกระเป๋าคนละ 1 ใบ และ 1 กลุ่มจะได้รับลายแทงเล็กๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่สนุกมากๆ เลยค่ะ เราจะต้องเดินไปแสตมป์ทุกจุด เพื่อที่จะได้รับเส้นใยจากพระเจ้า หรือขนอัลปาก้านั่นเองจ้า อิอิถึงแล้ว กับจุดแรก พอมาถึงแล้วทุกจุดจะมีการฆ่าเชื้อ ก่อนเข้าชมทุกจุดเลยค่ะ ก่อนเข้าชม มาเปิดถุงกันก่อนนะคะ ภายในถุงจะมีอาหารอัลปาก้า 1 ถ้วย แผนที่ขนาดเล็ก บัตรคล้องคอ น้ำดื่ม และสุดท้ายเจ้าขยุ้มสีฟ้าๆ นั่นก็คือ รองเท้าค่ะ ใส่หุ้มทุกครั้งที่เข้าชม มีให้สองคู่ แต่ถ้าขาดเราสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย มีเจ้าหน้าประจำทุกจุดค่ะ แอบกรีสเบาๆ ทำไมถุงของชั้นไม่มีน้ำ 555 เข้าไปปุ๊ป เจอน้องกวางดาวก่อนเลยค่ะ เชื่องมากๆ

ถ่ายรูปและเพลิดเพลินกับน้องกว่างดาวไปแล้ว ก็ไปชมน้องหนูกันต่อ ด้านนี้เป็นหนูแกสบี้ แต่บางตัวก็ยังจับไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะแนะนำตลอดว่าตัวไหนจับได้หรือจับไม่ได้ แต่น้องยังมีอาการกลัวนิดๆ ขอถ่ายรูปน้องก็พอค่ะ

ต่อมาเป็นถึงพระเอกของเราแล้วนะคะ เป็นเจ้าอัลปาก้า นั่นเอง อยากให้น้องมาใกล้ๆ ต้องเอาอาหารมาล่อค่ะ อิอิ การเข้าไปใกล้ๆ น้องอัลปาก้า ต้องมีวิธีการเข้าไปนะคะ อย่าเข้าด้านหลัง และอย่าลูบบริเวณศีรษะ เพราะน้องจะไม่ชอบอย่างแรง และอาจจะเกิดอันตรายกับเราได้ ส่วนการให้อาหาร ให้แบบนี้ผิดวิธีนะคะ การให้อาหารน้อง ต้องจับด้วยสองมือ ถ้าจับมือเดียวแบบด้านบน อาหารหกน้องจะไม่ทานทันที !!! ชมความน่ารักและถ่ายรูปได้ตามใจชอบเลยค่ะ เวลาน้องนั่งรวมกัน เหมือนตุ๊กตา น่ารักมากๆเลยค่ะ ว่าไหมค่ะ เต็มอิ่มกับน้องอัลปาก้าแล้วไปชมกันต่อเลยค่ะ อย่าลืมแสตมป์ด้วยนะคะ

สถานีต่อไปเป็นน้องนกค่ะ ปกติวันที่เค้าอารมณ์ดี จะสามารถจับและนำมาเกาะแขนได้ แต่วันนี้เหมือนจะ อารมณ์ บ่ จอย ดูน้องอยู่ห่างๆดีกว่าค่ะ เวลาเข้า ห้ามส่งเสียงดังนะคะ เพราะน้องเค้าไม่ชอบค่ะ  นกยูงจ้า มาอยู่บนบ้านของเจ้าแพรี่ด็อก เจ้าแพรี่ด็อกเลยวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เห็นแว๊บๆ และขอสารภาพว่าถ่ายรูปไม่ทันค่ะ TT

ต่อมาเป็น เต่าค่ะ แต่ขอบอกว่าเต่าที่นี่ไม่ธรรมดา เพราะเป็น เต่ายักษ์ (ซูคาต้า) ที่ตัวใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ขอบอกเลยว่าใหญ่มาก ๆ จ้า ต่อมาค่า เป็นเจ้าตัวเฟอเรท ขออธิบายนิดนึงนะคะ เฟอเรทเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนทั่วไปไม่คุ้นเคยนัก แต่สำหรับคนรักสัตว์กลุ่มนี้ เฟอเรท คือสัตว์เลี้ยงแสนซนที่ซ่อนความน่ารักไว้ในตัว มีเสน่ห์ทั้งในรูปร่างที่เต็มไปด้วยขนฟูฟ่อง ลำตัวยาว หน้าตาจิ้มลิ้ม แถมยังมีท่าทางขี้สงสัยใคร่รู้ตลอดเวลา สนใจสิ่งรอบข้างอยู่เสมอ แต่สามารถจับเล่นและกอดอุ้มได้

"จุดเด่นของเฟอเรทคือ ลักษณะนิสัยและรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างน่ารัก คล้ายแมว ถ้าฝึกมันก็จะเชื่อง จะสั่งให้มันเล่นหรือนอนหมอบก็พอจะทำได้ในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ฉลาดเหมือนหมาหรือแมว สามารถฝึกให้คุ้นเคยได้โดยใช้อาหารล่อ แต่คนเลี้ยงต้องใช้ความอดทนสูง เพราะมันจะติดเล่น เหมือนเด็กเล็กๆ ซนๆ เล่นกับมัน ฝึกกับมันสักพักมันก็จะเริ่มเบื่อ ไม่สนใจ จะไปเล่นอย่างอื่น ใครเลี้ยงก็ต้องอดทนกับมันหน่อย "บางตัวห่วงเล่นจนไม่ยอมนอน ง่วงตาปรือแล้วยังจะห่วงเล่น" ดื้อพอสมควรเชียวค่ะ อิอิ 

rabbit zone โซนนี้เป็นเจ้ากระต่ายค่ะ มี 2 ไซส์ คือ แบบธรรมดา กระต่ายไทย และก็ กระต่ายยักษ์ พามาชมกระต่ายยักษ์ก่อน แต่เสียดาย น้องเค้าหลับ กระต่ายยักษ์ จะมีค่อนข้างหลายพันธุ์ แต่ตัวที่ชมไปเมื่อกี้ ไม่แน่จะเรื่องพันธุ์ แต่ที่แน่ๆมีอายุ 1 ปี เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้ากระต่ายตัวเต็มวัย ในอายุประมาณ 3 ปี จะตัวเท่ารูปปั้นนี้เลยค่ะ ขนาดต่างกันเห็นๆ มาถึงกระต่ายไทยกันบ้างดีกว่าค่า น่ารัก แถมเชื่องสุดๆ ไม่กลัวคนด้วย วิ่งกรูเข้ามาหา ใครอยากให้อาหาร สามารถสอบถามอาหารได้จากเจ้าหน้าที่ประจำจุดได้เลยนะคะต่อมาค่ะ จิงโจ้แคระ จิงโจ้แคระ จะค่อนข้างขี้อาย ผสมกลัวค่ะ ยังเข้าใกล้ไม่ได้เท่าไหร่ แนะนำว่าถ้าสัตว์ไม่อยากเข้าใกล้เราก็อย่าไปฝืนเข้านะคะ ชมความน่ารักของเค้าอยู่ห่างๆจะดีกว่าค่ะ

เจ้าตัวเล็กกำลังหลับฝันดี ในกระเป๋าอุ่นๆ ของแม่เค้าค่ะ ต่อมาเป็นเจ้าเหมียวค่ะ อยู่กันอย่างสบาย ในห้องแอร์ชมน้องแมวเสร็จแล้ว ก็แวะไปชมน้องแกะกันต่อ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ สุดท้ายก็จะเป็นการเข้าเขาวงกต เพื่อพิชิตแสตมป์ให้ครบ
ครบแล้วค่ะ เมื่อครบแล้ว นำไปให้เจ้าหน้าที่ จะได้รางวัลเป็น ขนเจ้าอัลปาก้า ค่า อิอิ เล่นกันขำๆ สนุกสนานดีนะคะ 

สุดท้าย ข้อสรุปข้อดีข้อเสีย ของ ที่นี่กันค่ะ

ข้อดี 

1. มีกิจกรรมให้เล่น สนุกสนาน สร้างรอยยิ้มให้ได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่

2. พนักงานเอาใจใส่เป็นอย่างดี สามารถอธิบายในส่วนต่างๆให้เข้าใจได้ง่าย

3. มีการฆ่าเชื้อโรคได้ดี


ข้อเสียของที่นี่

1 ถ้ามาในช่วงแดดแรงๆ อากาศคงจะร้อนไม่เบาเชียว แต่สามารถสอบถาม ยืมร่มได้จากเจ้าหน้าที่ค่ะ

2 บางโซนยังไม่เสร็จดี ถ้าเสร็จครบ น่าจะสร้างความเพลิดเพลินได้อย่างดีลยค่ะ

สุดท้ายของรีวิวแล้ว บางโซนอาจจะไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่ psstory ก็หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขได้รับประโยชน์จากรีวิวนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ  ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ ขอบคุณ pantip สำหรับพื้นที่ดีๆ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล แล้วพบกันใหม่สำหรับรีวิวหน้า ของ ps story ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง สวัสดีค่า

ขอบคุณเรื่องและภาพ: pspatchieestory

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)


ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!

อัลบั้มภาพ 49 ภาพ

อัลบั้มภาพ 49 ภาพ ของ Alpaca hill ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook