ยายวัย 75 อยู่ลำพัง หลังลูกชายติดคุกแทนเพื่อนคดีขายซีดีเถื่อน

ยายวัย 75 อยู่ลำพัง หลังลูกชายติดคุกแทนเพื่อนคดีขายซีดีเถื่อน

ยายวัย 75 อยู่ลำพัง หลังลูกชายติดคุกแทนเพื่อนคดีขายซีดีเถื่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

27 ม.ค. - ยายวัย 75 ปี ต้องหมุนเงินจากเงินกู้นอกระบบมาใช้กว่า 1 ปี จนดอกเบี้ยท่วมตัว เพราะลูกชายติดคุกจากการที่เซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแทนคนอื่น คดีขายแผ่นซีดีเถื่อน

ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบบ้านไม้ชั้นเดียวริมคลองมหาวงศ์ ถ.รพช.ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ ที่ คุณยายนิภา ตรีสุวรรณ อายุ 75 ปี ใช้อาศัยอยู่กับเพื่อนหญิงวัยเดียวกัน กับหลานสาววัย 19 ปี อีก 1 คนหลังลูกชายของคุณยายคือ นายปิยะพงษ์ เทพธีระเทียนชัย อายุ 41 ปี ต้องโทษคดีขายแผ่นซีดีเถื่อน เมื่อปี 2556 จากการที่ นายปิยะพงษ์ เซ็นชื่อรับแทนเป็นผู้ต้องหาแทนผู้มีศักดิ์เป็นน้าสาว ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้ากวดล้างจับกุมร้านขายแผ่นซีดีเถื่อนย่านริมคลองหลอด

ยายนิภา เล่าว่า เมื่อปีที่แล้วลูกชายของตนได้ไปรับจ้างดูแลที่จอดรถแถวริมคลองหลอด โดยมี น.ส.องุ่น ที่ทางลูกชายนับถือเป็นน้า เปิดร้านขายแผ่นซีดีอยู่ใกล้กัน ต่อมามีทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมร้านขายซีดีเถื่อนย่านริมคลองหลอดหลายร้าน รวมถึงร้านของ น.ส.องุ่น ด้วย ทาง น.ส.องุ่น จึงได้ให้นายปิยะพงษ์ ลูกชายของตนมาเซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแทน โดย น.ส.องุ่น รับปากว่าจะรีบหาเงินมาประกันและจ่ายค่าปรับให้ลูกชาย เพราะหากว่า น.ส.องุ่น รับเป็นผู้ต้องหาเองแล้วจะไม่มีคนไปวิ่งเต้นหาเงินมาประกันและจ่ายค่าปรับ นายปิยะพงษ์ ลูกชายจึงได้เซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแทน เพราะเกรงใจ น.ส.องุ่น ที่ลูกชายนับถือ

ยายนิภา เล่าต่อไปว่า หลังจากที่ลูกชายเซ็นรับเป็นผู้ต้องหาแล้ว เมื่อถึงเวลาขึ้นศาลทาง น.ส.องุ่น กลับไม่ไปประกันตัวตามที่สัญญาไว้ ทำให้ลูกชายโดนศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 4 เดือน ตั้งแต่วันนั้นมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่ทางตนเฝ้ารอลูกชายพ้นโทษออกมาช่วยดูแลตน เพราะตนเองไม่มีรายได้ที่แน่นอน และเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับรายจ่าย จำเป็นต้องไปกูเงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ต่อ 10 วัน เพื่อนำเงินมายังชีพและให้หลานสาวไปทำงาน ในบางวันที่ไม่มีเงินส่งคืน ก็จะใช้วิธีหากู้เงินนอกระบบเจ้าใหม่ มาใช้หนี้เจ้าหนี้รายเดิม ทำแบบนี้ซ้ำๆจนเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบมากกว่า 6 ราย มีดอกเบี้ยที่เป็นหนี้สะสมนับหมื่นบาท จะมีนานๆ สักครั้งที่หลานสาวหยิบยื่นให้บ้างครั้งละ 2-3 พันบาท และเบี้ยยังชีพคนชราอีกเดือนละ 700 บาทและรับจ้างนวดจับเส้นครั้งละ 100-200 บาท แต่ก็นานๆจะมีสักครั้งเนื่องจากร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเดิม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.58 ทาง น.ส.องุ่น ได้มาบอกกับทางตนว่า ทางศาลอาญา รัชดา ให้ติดต่อญาติของ นายปิยะพงษ์ ไปเสียค่าปรับอีก 1.4 แสนบาท ให้กับทางผู้ต้องหา มิฉะนั้นผู้ต้องหาต้องจำคุกแทนค่าปรับอีกกว่า 1 ปี เมื่อตนทราบข่าวจึงได้ไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และขอความช่วยเหลือจาก น.ส.องุ่น ตามที่เคยรับปากว่าจะช่วย แต่กลับถูกปฏิเสธว่าไม่สามารถช่วยได้ เพราะเป็นเงินที่มากเกินกำลังของทาง น.ส.องุ่น จะช่วยได้ ทำให้ตนหมดหวังลงในทันที ที่จะรอวันที่ลูกชายพ้นโทษออกมาช่วยเหลือและดูแลตน และหลานสาว ที่นับวันดอกเบี้ยท่วมท้นจนไม่สามารถจะหมุนทางไหนได้อีกแล้ว จึงได้มาวิงวอนผู้ที่เกี่ยวข้องทบทวน ตรวจสอบคดีของลูกชายของตน และให้ความยุติธรรมกับลูกชายของตนด้วย

อย่างไรก็ตาม ทาง คุณยายนิภา ได้เปิดใจกับทางผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ที่ผ่านมาลูกชายต้องโทษมาแล้วกว่า 1 ปี เหลือเพียงอีก 4 เดือนแล้วพ้นโทษออกมาดูแลครอบครัว ทางตนยอมรับและทำใจได้แล้ว ส่วนจะต้องปรับอีก 1.4 แสนบาทนั้น ทางตนไม่มีปัญญาหาเงินแสนมาเสียค่าปรับอย่างแน่นอน และติดคุกแทนค่าปรับอีกปีกว่านั้น ทางครอบครัวรับกันไม่ได้แล้ว ว่าจะต้องทนอยู่กันในสภาพแบบไหน ขณะที่ตนเองร่างกายก็อ่อนแอลง แหล่งเงินกู้นอกระบบก็แทบจะไม่สามารถกู้ได้อีกแล้วเพราะยังไม่มีจ่ายของเก่า - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook