หน้าแรก | เกมส์ | เนื้อข่าว

40 ปี Dragon Ball ผลิตเกมมาแล้วกี่ภาค เรามีคำตอบ

23 มิถุนายน 2568  เปิดอ่าน 0 ครั้ง

ถ้าพูดถึงมังงะ หรือ แอนนิเมะที่มีิอิทธิพลต่อคนในเวลานี้ ทั้งเต็กและผู้ใหญ่ ชื่อของ Dragon Ball เป็นอีกคนที่คิดถึงไม่แพ้การ์ตูนแบบไหน แต่ในโลกของเกมหลายคนอยากรู้ว่าในช่วงเวลาที่ Dragon Ball โลดแล่นอยู่บนโลกของเกมไม่น้อย Sanook Game จะมาเจาะลึกกันว่า 40 ปีของดราก้อนบอล มีเกมอะไรที่ใช้ชื่อนี้ตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน

เกม Dragon Ball มีกี่ภาคตั้งแต่แรก

เรื่องนี้เราอาจจะขอแบ่งเป็นยุคล่กันมาเริ่มกันเลย

ยุคบุกเบิก (1986-1990) การผจญภัยบนเครื่อง Famicom

จุดกำเนิดของตำนานเริ่มต้นขึ้นในปี 1986 กับ Dragon Ball: Shenlong no Nazo (หรือที่รู้จักในชื่อ Dragon Power ในฝั่งตะวันตก) บนเครื่อง Nintendo Famicom เกมในยุคนี้ยังไม่ได้เน้นไปที่การต่อสู้เป็นหลัก แต่เป็นแนวแอ็กชันผจญภัยที่พาผู้เล่นสวมบทบาทโกคูในวัยเด็ก ออกตามหาดราก้อนบอลและเผชิญหน้ากับกองทัพโบว์แดงตามเนื้อเรื่องต้นฉบับ รูปแบบการเล่นที่โดดเด่นคือมุมมองจากด้านบน (Top-down) และการต่อสู้แบบเรียลไทม์ที่เรียบง่าย ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญก่อนที่แนวเกมจะถูกพัฒนาไปสู่การต่อสู้ที่ซับซ้อนขึ้นในเวลาต่อมา

เกมในยุคนี้มักผสมผสานความเป็นแอ็กชันเข้ากับ RPG มีการ์ดเกมเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการต่อสู้บ้าง เช่นใน Dragon Ball Z: Kyōshū! Saiyan ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเนื้อเรื่องภาค Z เข้าสู่โลกวิดีโอเกม

ยุคทองของ 16-Bit (1991-1995) กำเนิดศึกต่อสู้สะท้านจักรวาล

การมาถึงของเครื่อง Super Famicom (SNES) และ Mega Drive ได้ปลดปล่อยศักยภาพของเกม Dragon Ball ไปอีกขั้น และได้ถือกำเนิดซีรีส์เกมต่อสู้ที่กลายเป็นตำนานอย่าง Dragon Ball Z: Super Butōden ในปี 1993 เกมนี้ได้ปฏิวัติวงการด้วยระบบการต่อสู้แบบ "Split-screen" ที่แบ่งหน้าจอเมื่อตัวละครอยู่ห่างกัน และเป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นสามารถปล่อยพลังคลื่นเต่าหรือพลังไม้ตายอื่นๆ สวนกันกลางอากาศได้ สิ่งนี้ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่เกม Dragon Ball ในยุคต่อๆ มาต้องมี

ยุคนี้ถือเป็นยุคที่เกมต่อสู้ Dragon Ball ได้วางรากฐานที่มั่นคง มีการพัฒนาภาคต่อของซีรีส์ Super Butōden ออกมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีเกมอย่าง Dragon Ball Z: Hyper Dimension ที่ได้รับการยกย่องว่ามีกราฟิกและอนิเมชันที่สวยงามที่สุดบนเครื่อง Super Famicom

ก้าวสู่ 3 มิติ (1996-2004) การทดลองและยุคทองบน PlayStation

เมื่อโลกของเกมก้าวเข้าสู่ยุค 3 มิติบนเครื่อง PlayStation และ Sega Saturn เกม Dragon Ball ก็ได้มีการปรับตัวครั้งสำคัญ Dragon Ball GT: Final Bout (1997) คือเกมแรกที่นำเสนอการต่อสู้ในรูปแบบ 3 มิติเต็มรูปแบบ แม้จะยังมีการควบคุมที่ค่อนข้างแข็งทื่อ แต่ก็เป็นก้าวแรกที่น่าจดจำ

อย่างไรก็ตาม ยุคทองที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้นบนเครื่อง PlayStation 2 กับการมาถึงของซีรีส์ Dragon Ball Z: Budokai ในปี 2002 ซีรีส์นี้ได้ผสมผสานรูปแบบการต่อสู้ 2.5D เข้ากับกราฟิกแบบ Cel-shaded ที่ทำให้ตัวละครดูเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะ พร้อมด้วยโหมดเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ทำให้ซีรีส์ Budokai ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย

ต่อมาในปี 2005 ซีรีส์ Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ก็ได้ยกระดับการต่อสู้ไปอีกขั้น ด้วยการนำเสนอสนามต่อสู้ 3 มิติที่กว้างใหญ่และอิสระ ผู้เล่นสามารถบินไล่ล่า ปล่อยพลังโจมตีจากระยะไกล และทำลายสภาพแวดล้อมได้อย่างสมจริง ทำให้ซีรีส์นี้กลายเป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วโลกและเป็นมาตรฐานใหม่ของเกม Dragon Ball มาอย่างยาวนาน

ยุคออนไลน์และ HD (2007-2016) การเชื่อมต่อข้ามจักรวาล

ในยุคของ PlayStation 3 และ Xbox 360 เกม Dragon Ball ได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนากราฟิกระดับ HD และการเล่นแบบออนไลน์เป็นหลัก เกมอย่าง Burst Limit และ Raging Blast ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของซีรีส์ Budokai Tenkaichi ด้วยกราฟิกที่สวยงามขึ้น

แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือการถือกำเนิดของซีรีส์ Dragon Ball Xenoverse ในปี 2015 ที่นำเสนอแนวคิดใหม่โดยให้ผู้เล่นสร้างตัวละครของตัวเอง (Avatar) เพื่อเข้าร่วมเป็นหน่วยลาดตระเวนแห่งกาลเวลา (Time Patrol) และย้อนกลับไปแก้ไขประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือนของ Dragon Ball การผสมผสานระหว่างเกมต่อสู้, RPG และการเล่นออนไลน์ ทำให้ Xenoverse ประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีภาคต่อตามออกมา

ยุคปัจจุบัน (2017-ปัจจุบัน) ความหลากหลายและ E-Sports

ปัจจุบัน เกม Dragon Ball มีความหลากหลายมากกว่าที่เคยเป็นมา Dragon Ball FighterZ (2018) ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเกมต่อสู้และ E-Sports ด้วยระบบการต่อสู้แบบ 2.5D Tag-team 3v3 ที่รวดเร็วและลึกซึ้ง พร้อมด้วยกราฟิกที่ถอดแบบมาจากอนิเมะได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้เกมนี้ได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ทั่วโลก

ในขณะเดียวกัน Dragon Ball Z: Kakarot (2020) ก็ได้ตอบสนองความต้องการของแฟนๆ ที่อยากสัมผัสประสบการณ์แบบ Action RPG อย่างเต็มรูปแบบ ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทโกคูและตัวละครหลักอื่นๆ เพื่อดำเนินเรื่องราวของภาค Z ตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมกิจกรรมต่างๆ ในโลกที่กว้างใหญ่

นอกจากนี้ ตลาดเกมมือถือก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่สำคัญ ด้วยเกมอย่าง Dragon Ball Z: Dokkan Battle และ Dragon Ball Legends ที่สร้างรายได้มหาศาลและมีฐานผู้เล่นที่เหนียวแน่นทั่วโลก

และล่าสุดกับการประกาศเปิดตัว Dragon Ball: Sparking! ZERO ที่แฟนๆ ทั่วโลกรอคอย ถือเป็นการกลับมาของซีรีส์ในตำนานอย่าง Budokai Tenkaichi ในยุคใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 4 ทศวรรษ แต่พลังของ Dragon Ball ในโลกวิดีโอเกมนั้นยังคงร้อนแรงและพร้อมที่จะสร้างตำนานบทใหม่ต่อไป

เรียกว่าออกมาเยอะมากจนจำไม่หมด ใครที่ทันยุคไหนลองมาแชร์กันนะครับ

กลับสู่ Full Version